ประกันชีวิตกลุ่มคืออะไร?
ประกันชีวิตกลุ่ม คือการทำประกันภัยแบบหลายคนภายใต้กรมธรรม์เดียวกัน (กรมธรรม์ในนามของสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด) โดยนิยมทำให้กับบุคลากรในองค์กรหรือหน่วยงาน ที่ทำประกันชีวิตกลุ่มเท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากประกันชีวิตส่วนบุคคล ที่ซื้อผ่านตัวแทนประกัน และความคุ้มครองครอบคลุมเฉพาะผู้ซื้อกรมธรรม์เพียงผู้เดียว
สมาชิกทุกคนรับความคุ้มครอง ฟรี!! ในเบี้ยประกันเริ่มต้น เดือนละ 50 บาท
**ทันทีที่บริษัทประกันตอบรับการทำประกันชีวิต**
เงื่อนไขการสนับสนุนค่าเบี้ยประกันและความคุ้มครอง ดังนี้
1.ในกรณีที่สมาชิกเลือกทำประกันชีวิตกลุ่มค่าเบี้ยประกันที่ 50 บาทต่อเดือน สหกรณ์จ่ายสนับสนุนค่าเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มให้กับสมาชิก โดยมีวงเงินความคุ้มครองเฉพาะกรณีเสียชีวิตทั่วไป 100,000 บาท เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท จนถึงอายุ 70 ปี
2.ในกรณีที่สมาชิกเลือกทำประกันชีวิตกลุ่มค่าเบี้ยประกันเกินกว่า 50 บาท สหกรณ์จ่ายสนับสนุนค่าเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มให้กับสมาชิกเดือนละ 50 บาทหรือปีละ 600 บาทต่อคน จนถึงอายุ 70 ปี
การกู้สามัญต้องทำประกันชีวิตตามวงเงินหนี้สามัญรวมกันทุกประเภท
สมาชิกมีสิทธิทำประกันชีวิตเพิ่มให้กับบุคคลในครอบครัวดังนี้
- บุตรสมาชิกอายุ 14 วันขึ้นไป สามารถสมัครประกันชีวิตกลุ่มได้ และสิ้นสุดความคุ้มครองเมื่อสมาชิกอายุ 70 ปี
- คู่สมรสสมัครประกันใหม่ จะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี ประกันสิ้นสุดความคุ้มครองเมื่อสมาชิกอายุ 70 ปี
- คู่สมรสและบุตรสมาชิกไม่สามารถทำประกันชีวิตกลุ่ม อัตราเบี้ยประกันชีวิตที่สูงกว่าสมาชิกได้
- ความคุ้มครองของคู่สมรสสมาชิกจะสิ้นสุดเมื่อมีอายุครบ 70 ปี แต่หากสมาชิกอายุครบ 70 ปี ก่อนคู่สมรสการทำประกันชีวิตกลุ่มจะสิ้นสุดความคุ้มครองพร้อมสมาชิก ผลประโยชน์ความคุ้มครอง ดังนี้
** สำหรับสมาชิกเท่านั้น** สหกรณ์สนับสนุนค่าประกันชีวิตกลุ่มทุกเบี้ยประกัน เดือนละ 50 บาท รวมเป็นปีละ 600 บาท
สาระน่ารู้
การคิดยอดการหักชำระค่าประกันชีวิตกลุ่มที่แท้จริง ให้นำอัตราเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มที่เลือก ลบด้วย 50 บาท จะเป็นยอดการหักชำระค่าเบี้ยประกันรายเดือนจากสมาชิก เช่น เบี้ย 385 - 50 = 335 บาท คือยอดที่ชำระจริง
เอกสารประกอบการสมัครประกันชีวิต
สำหรับสมาชิก
- แบบฟอร์มใบคำขอเอาประกันชีวิตกลุ่ม (เบี้ยประกัน 50 บาท) ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม คลิ๊ก
- แบบฟอร์มใบคำขอเอาประกันชีวิตกลุ่ม (เบี้ยประกันสูงกว่า 50 บาท) ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม คลิ๊ก
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- หนังสือตั้งผู้รับโอนประโยชน์
สำหรับคู่สมรสสมาชิก
- แบบฟอร์มใบคำขอเอาประกันชีวิตกลุ่ม ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม คลิ๊ก
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้สมัครทำประกัน
- สำเนาทะเบียนบ้านผู้สมัครทำประกัน
- สำเนาทะเบียนสมรส
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของสมาชิก
- หนังสือตั้งผู้รับโอนประโยชน์
สำหรับบุตรสมาชิก
- แบบฟอร์มใบคำขอเอาประกันชีวิตกลุ่ม ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม คลิ๊ก
- สำเนาสูติบัตร (กรณีบุตรอายุไม่ครบ 15 ปี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้สมัครทำประกัน
- สำเนาทะเบียนบ้านผู้สมัครทำประกัน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของสมาชิก
- หนังสือตั้งผู้รับโอนประโยชน์
**หมายเหตุ**
- สหกรณ์ไม่มีสนับสนุนค่าประกันชีวิตกลุ่มให้สมาชิกสมทบ ซึ่งสมาชิกสมทบจะถูกหักชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตกลุ่มตามอัตราเบี้ยประกันที่เลือกเป็นรายเดือน
- สามารถยื่นแบบฟอร์มทำประกันชีวิตกลุ่มโดยส่งแบบฟอร์มมาทางไปรษณีย์ คลิ๊กดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
เอกสารประกอบการสมัครประกันชีวิตของสมาชิกสมทบ
- แบบฟอร์มใบคำขอเอาประกันชีวิตกลุ่ม คลิ๊กดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- หนังสือตั้งผู้รับโอนประโยชน์
ประกันชีวิตมีผลคุ้มครองเมื่อใด?
เมื่อสหกรณ์นำส่งค่าเบี้ยประกันให้บริษัทประกันชีวิต หรือมีการเรียกเก็บค่าเบี้ยประกันตามใบเสร็จรับเงิน และบริษัทตอบรับการประกันชีวิตของท่านแล้ว สามารถตรวจสอบผ่าน Application Forest CO-OP GO
เมื่อผู้ขอเอาประกันภัยเสียชีวิต ต้องทำยังไงบ้าง?
กรณีเสียชีวิต เนื่องจากเจ็บป่วย
1. เตรียมเอกสารประกอบการขอรับสินไหม
- สำเนาใบมรณะบัตร
- สำเนาบัตรประจำประชาชนผู้เสียชีวิต
- สำเนาทะเบียนบ้านที่ ประทับตรา “ตาย”
- หนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาล (กรณีเสียชีวิตที่โรงพยาบาล)
- ใบรับแจ้งการตาย (กรณีเสียชีวิตที่บ้าน) พร้อมแนบสำเนาบัตรข้าราชการของผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ใหญ่บ้านหรือกำนัน
2. ส่งเอกสารมาที่สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ตู้ปณ. 169 ปณศ. จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
กรณีเสียชีวิต เนื่องจากอุบัติเหตุ
1. เตรียมเอกสารประกอบการขอรับสินไหม
- สำเนาใบมรณะบัตร
- สำเนาบัตรประจำประชาชนผู้เสียชีวิต
- สำเนาทะเบียนบ้านที่ ประทับตรา “ตาย”
- รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี
- ใบรายงานชันสูตรพลิกศพ
หมายเหตุ เอกสารประกอบการขอรับเงินสินไหมขอจำนวน 2 ชุด พร้อมเซ็นรับรองสำเนาทุกฉบับ
2. ส่งเอกสารมาที่สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ตู้ปณ. 169 ปณศ. จตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
บริษัทประกันปฏิเสธจ่ายสินไหมกรณีใดบ้าง ?
- กรณีร่วมโครงการประกันชีวิตกับสหกรณ์ครั้งแรก เมื่อผู้ทำประกันเป็นโรคร้ายแรง และเสียชีวิตภายในระยะเวลา 1 ปีแรก ที่เข้าร่วมโครงการประกันชีวิตกับสหกรณ์ ซึ่งการตรวจสอบประวัติทางการรักษาของแพทย์แล้ว พบว่า เป็นโรคร้ายแรง โดยปกปิด หรือแถลงโรคอันเป็นเท็จ
- กรณีเพิ่มวงเงินคุ้มครองชีวิต เมื่อผู้ทำประกันเป็นโรคร้ายแรงมาก่อน และเสียชีวิตภายในระยะเวลา 1 ปีแรก ที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มผลประโยชน์คุ้มครอง ซึ่งการตรวจสอบประวัติทางการรักษาของแพทย์ แล้วพบว่า เป็นโรคร้ายแรงมาก่อนการเพิ่มผลประโยชน์คุ้มครอง บริษัทจะจ่ายเงินสินไหมในวงเงินทุนประกันเดิม
การประกันชีวิตจะมีผลยกเลิกและสิ้นสุดการคุ้มครองชีวิต
เมื่อสหกรณ์ไม่สามารถเรียกเก็บค่าเบี้ยประกันชีวิตเดือนใดเดือนหนึ่งได้ หรือสมาชิกอายุครบอายุ 70 ปี (กรณีบัตรประจำตัวประชาชนไม่ระบุวันที่และเดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้น)
สิทธิการรับสินไหมกรณีสมาชิกสูญหาย
ขั้นตอนการดำเนินการ
1. เมื่อสมาชิกที่ทำประกันชีวิตสูญหายให้ทายาทแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2. ทายาทต้องแจ้งให้สหกรณ์ทราบภายใน 30 วัน นับจากวันแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแนบเอกสาร ดังนี้
- สำเนาใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ
- สำเนาเอกสารประจำตัวของสมาชิกผู้สูญหาย
3. ทายาทยังคงต้องชำระค่าเบี้ยประกันให้บริษัทประกันเสมือนสมาชิกยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะมีคำสั่งศาลว่าเป็นบุคคลสาบสูญ
4. คณะกรรมการดำเนินการพิจารณารับทราบการสูญหายของสมาชิกผู้นั้นเพื่อดำเนินการต่อไป
5. สหกรณ์ต้องนำส่งสำเนาบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่รับทราบการสูญหายของสมาชิก พร้อมสำเนาใบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้บริษัทประกันชีวิต ภายใน 30 วัน นับจากวันที่คณะกรรมการดำเนินการมีมติรับทราบ
6. เมื่อครบ 5 ปี หรือตามที่กฎหมายกำหนด ทายาทต้องยื่นคำร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้สมาชิกผู้นั้นเป็นบุคคลสาบสูญ
7. เมื่อศาลมีคำสั่งให้สมาชิกผู้นั้นเป็นบุคคลสาบสูญ ให้ทายาทนำสำเนาคำสั่งศาลดังกล่าวยื่นต่อสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์จะได้ดำเนินการเพื่อขอรับสินไหมต่อไป
ประกันชีวิตกลุ่มคุ้มครองทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร และการสูญเสียอวัยวะ
การทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร หมายถึง ทุพพลภาพถึงขนาดไม่สามารถประกอบหน้าที่การงานใด ๆ ในอาชีพประจำหรืออาชีพอื่น ๆ ได้โดยสิ้นเชิงตลอดไป และการทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรนั้นต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน และกรณีต่อไปนี้ถือว่าเป็นการทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรด้วย คือ
1. สูญเสียมือ สองข้าง หรือเท้าสองข้าง หรือสายตาสองข้างโดย
2. สูญเสียมือหนึ่งข้าง หรือเท้าหนึ่งข้าง
3. สูญเสียมือหนึ่งข้างและสายตาหนึ่งข้าง
4. สูญเสียเท้าหนึ่งข้างและสายตาหนึ่งข้าง
การสูญเสียตา หมายถึง ตาบอดสนิท และไม่มีทางรักษาให้หายได้ตลอดไป
การสูญเสียมือหรือเท้า หมายถึง การถูกตัดออกจากร่างกายตั้งแต่ข้อมือ หรือข้อเท้าและให้หมายรวมถึงหรือสูญเสียสมรรถภาพในการใช้งานของอวัยวะนั้นโดยสิ้นเชิงถาวร
เมื่อสมาชิกทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร หรือสูญเสียอวัยวะ ให้ทายาทแจ้งต่อสหกรณ์และจัดส่งเอกสารต่าง ๆให้สหกรณ์ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร